จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถแบ่งอาหารในจานของเราไปให้เด็กๆที่หิวโหยได้ด้วย
“เหลือไว้บนจานแหละแก ดีกว่ามาเหลือเป็นไขมันตามแขนตามขา”
“อิ่มแล้วก็ทิ้งสิ จะฝืนกินให้หมดทำไม ของกินมีอีกตั้งเยอะ”
เหล่านี้ คือคำพูดที่ฉัน… ในฐานะคนกรุงคนหนึ่งได้ยินแทบทุกวันจนรู้สึกชินชา ทั้งเสียงจากในหัวตัวเอง และจากคนรอบข้าง
คนเมืองกรุงทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ จะทานอะไรเข้าไปที ก็ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่ที่จะตามมา ว่าที่ทานเข้าไป จะคุ้มกับที่อุตส่าห์เบิร์นไปหรือเปล่า หากแต่กลุ่มคนมากมายเหลือเกินในประเทศของเรา ที่คำว่าแคลอรี่คืออะไรไม่ต้องพูดถึง ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตคืออะไร เอาไว้ก่อน แค่คิดว่าทำยังไงให้ท้องอิ่มก็ยากพอแล้ว
ฉันกำลังพูดถึงเด็กๆมากมายหลายล้านคนในประเทศของเรา ที่อยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารและโภชนาการ ฉันเคยได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาบ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก จนได้มีโอกาสรู้จักโครงการ FOOD FOR GOOD ที่พยายามผลักดันให้ธุรกิจร้านอาหารได้มีส่วนช่วยในการแบ่งปันอาหารให้กับเด็กๆเหล่านี้ โดยทั้งเจ้าของธุรกิจและลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านสามารถมีส่วนช่วยเหลือได้
FOOD FOR GOOD คือองค์กรไม่แสวงหากำไร ก่อตั้งขึ้นกว่าสามปีแล้ว มีจุดประสงค์หลักในการเป็นสะพานเชื่อมความรู้ความเข้าใจ และช่องทางการช่วยเหลือให้กับบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงแรม และผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย วิธีการก็คือ ร้านอาหารต่างๆที่เข้าร่วมโครงการ สามารถคัดเลือกเมนูเด่นของทางร้านที่อยากเข้าร่วมเป็นเมนู Food4good แล้วประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้ทราบว่า เงิน 10 บาทจากทุกๆจานที่ลูกค้าจ่ายมา จะถูกนำไปช่วยเหลือเด็กๆที่ขาดแคลน ทั้งโรงเรียน มูลนิธิ หรือองค์กรที่ดูแลเด็กๆเหล่านี้ โดยสามารถเลือกเป็นเมนูเด่นที่ลูกค้าสั่งบ่อย หรือจะเป็นเมนูแนะนำของทางร้านก็ได้ โดยจะมีสัญลักษณ์ FOOD FOR GOODชัดเจนอยู่ในเล่มเมนู หรือแผ่นตั้งโฆษณาบนโต๊ะ
หรือจะเป็นอีกวิธีคือ ทุกๆ 1 บาท ของทุกจาน ทุกเมนู ที่ลูกค้าสั่งทาน จะได้มาร่วมช่วยเหลือกับ FOOD FOR GOOD ในการจัดสรรปันส่วนไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลน
สิ่งที่ฉันประทับใจมาก คือ FOOD FOR GOOD ได้พยายามค้นหาโรงเรียนหรือมูลนิธิที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ที่ที่ความช่วยเหลือ หรือความรู้ความเข้าใจในเรื่องโภชนาการยังไม่สามารถเข้าไปถึงได้มาก ต้องยอมรับว่า อย่างน้อย โรงเรียนในแถบตัวเมืองอย่างแถบกรุงเทพฯนั้น การช่วยเหลือต่างๆสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า คนร่วมช่วยเหลือบริจาคก็ย่อมมีมากกว่า
เด็กๆในสามโรงเรียนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ FOOD FOR GOODมีโอกาสเข้าไปถึง ได้ทานแค่เส้นหมี่ผัดผัก และมีแค่พริกกะเหรี่ยงเป็นตัวชูรสเป็นอาหารกลางวันทุกวัน ผักต่างๆที่เอาไปผัดก็ผัดนานจนเหี่ยว แน่นอนว่าสารอาหารแทบไม่เหลือ หลายพื้นที่ที่อยู่บนภูเขาเพิ่งมีไฟฟ้าใช้ได้เพียงปีกว่า ไม่มีตู้เย็น ไม่มีพื้นที่ใช้เก็บอาหารสด คนดูแลจะลงมาจากดอยเพียงสัปดาห์ละครั้งในทุกๆวันจันทร์ เพื่อนซื้อหาของสดไปประกอบอาหาร แต่ไม่ถึงปลายสัปดาห์ ของสดก็หมดแล้ว จะมีเสริมบ้างก็เพียงแค่ปลากระป่องและโปรตีนเกษตรให้กับเด็กๆเท่านั้น หรือบางครั้งก็ไม่มีเลย
สิ่งที่ FOOD FOR GOOD ทำ คือแบ่งเงินที่ได้จากร้านอาหารต่างๆในทุกๆเดือนออกเป็นสามส่วน แล้วเข้าช่วยเหลือ ส่วนแรก ใช้ในการพัฒนาคุณภาพอาหาร ซื้อวัตถุดิบ เนื้อสัตว์หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เด็กๆได้รับไม่ครบ แล้วเอาไปแจกจ่าย ส่วนที่สองคือใช้ริเริ่มทำโครงการเกษตรในพื้นที่แถบนั้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน เด็กๆจะได้เรียนรู้วิธีปลูกผัก เลี้ยงไก่ เก็บไข่ไก่ เพราะเด็กๆจะต้องเรียนรู้ว่า ความช่วยเหลือต่างๆไม่ได้มีไปตลอด มีคนช่วยเหลือได้ ก็เพียงระยะนึงเท่านั้น วันนึงเมื่อพวกเขาเติบโต แข็งแรงขึ้น เขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง ส่วนสุดท้ายคือ การติดต่อประสานงาน เพื่อเอาความรู้ต่างๆจากพันธมิตรร้อยกว่าร้านไปช่วยเหลือ ต้องยอมรับว่า คุณครูในหลายพื้นที่ทำอาหารไม่เป็น หรือไม่มีความรู้เรื่องโภชนาการอาหารเทียบเท่าบุคคลที่อยู่ในธุรกิจร้านอาหารต่างๆแน่นอน
ตลอดระยะเวลากว่าสามปี ทางโครงการแทบไม่พบเด็กๆที่ขาดอาหารหรือไม่มีอาหารทานเลย ถือว่าเด็กๆในประเทศของเรายังโชคดีกว่าในอีกหลายๆประเทศ แต่..ที่ชัดเจนมากก็คือ เด็กๆของเรา ได้รับสารอาหารในแต่ละวันไม่ครบถ้วน ไม่ขาดอาหาร ไม่ได้หมายความว่า ไม่ขาด “สาร”อาหาร มันคงดีจริงๆ ถ้าพี่ๆอย่างเราได้อิ่มท้อง แล้วน้องๆก็ได้อิ่มด้วย
สำหรับร้านอาหารหรือองค์กรต่างๆ สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ง่ายๆ ติดต่อไปได้เลยที่ Facebook ของ Food4good Thailand หรือที่ www.food4good.in.th นะคะ